Tapas Tip # 1:
Supercar Marketing
แนวคิดการขาย SuperCar เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ เพราะ SuperCar เกือบจะเป็น”ของเล่น” ของเศรษฐีเพียงประเภทเดียวที่ในเคสส่วนใหญ่ราคาเมื่อซื้อมาแล้วจะลดลง โอกาสเพิ่มขึ้นของราคานั้นยากนอกจากในกรณีที่กลายเป็นของหายากหรือคลาสิกซึ่งก็ต้องรอกันหลายสิบปี ไม่เหมือน”ของเล่น”อย่างอื่นที่มีการโอกาสในการทำกำไรอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ไม่ว่าจะเป็นนาฬิการาคาแพง, ภาพเขียน, เพชร หรือแม้แต่กระเป๋า Hermes!
ท่านอาจจะทราบว่า SuperCar เหล่านี้คนที่ซื้อไปนั่นใช่น้อยมากครับ เช่นรุ่นพี่ผมท่านนึงซื้อ SuperCar มาคันนึงในราคา 10 ล้านบาท ใช้ไปได้ประมาณ 4 ปีเศษ วิ่งไป 5000 กิโล ขายไปประมาณ 7 ล้านบาท
ค่าใช้ 3 ล้านบาทกับ 5000 กิโล มันโคตรแพงครับ ยิ่งถ้าคิดเป็นชั่วโมงที่นั่งอยู่ในรถพวกนี้แล้วยิ่งโคตรแพงหนัก เพราะรถพวกนี้วิ่งกันเร็ว 5000 กิโล คิดเป็นเวลาขับอาจจะแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง(ประมาณการที่ความเร็ว 220 กิโลเมตร ต่อ ชม)
3 ล้านบาทกับเวลา 24 ชม !!!
ถ้าคิดในแง่เศรษฐศาสตร์ที่เราเรียนมา บริษัทพวกนี้ต้องเจ๊งหมดแน่นอน แต่กลับกลายเป็นว่าบริษัทรถที่ผลิตรถเหล่านี้ทำกำไรกันเป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเซีย โดยมีจีนเป็นหัวหอกในการกวาดรถราคาแพงเหล่านี้มาวิ่งกันเต็มเมืองใหญ่ๆอย่างเซียงไฮ้หรือปักกิ่ง เป็นต้น
บางที่เอาตรรกระอย่างเดียวมาทำการตลาดมันไม่ได้หรอกครับ เพราะเบื้องหลังเบื้องลึกของผู้บิโภคมีความซับซ้อน มากกว่าแค่ตาราง 4P เยอะ
ผมถามรุ่นพี่ท่านนี้ที่พึ่งขายรถไปว่าเสียดายเงิน 3 ล้านที่หายไปไหม เขาบอกว่าไม่เสียดายเลย เมื่อผมเอาเรื่อง 3 ล้านกับ 24 ชม ไปทักท้วง พี่ท่านนี้ยกประโยคสุดคลาสิกมาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“Life is not measured by the number of breaths we take but by the moments that take our breath away”
แหม ตอบแบบนี้ผมก็ได้แต่ยิ้มๆแล้วคิดในใจว่า
“สุดยอด marketing คือ emotional marketing ครับ”
ชอบมาก อยากให้แท็ปเขียนแบบนี้อีกเยอะๆ ไว้เอามารวมเล่มพิมพ์แจก พี่ขอแจมสั่งพิมพ์แจกตอนปีใหม่ปีหน้านะ ทันมั้ยอ่ะ ^__^
ตอบลบขอบคุณมากครับ พี่ จะพยายามให้ทันนะครับ ^___^
ตอบลบ