วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าของกิจการภาค 2


เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าของกิจการภาค 2 
วันนี้ผมไปวิ่งมินิมาราธอนกับ TMB มาครับ นอกจากจะเหนื่อยมากแล้วผมยังได้ขอคิดที่ดีมากกลับบ้านมาด้วย
ท่านที่เคยไปวิ่งตามสวนสาธารณะคงนึกออกนะครับว่างทางวิ่งมันไม่ได้กว้างมากประมาณถนนเลนนึงได้ เรื่องที่น่าสนใจคือ ในช่วงระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรแรกนั้น มีนักวิ่งมากมายพยายามลงไปวิ่งบนขอบทางเพื่อหาช่องในการแซงให้ได้ เพราะทางหลักคนเยอะมากเบียดเสียดยัดเยียดแซงกันลำบาก แต่พอใกล้เส้นชัยประมาณกิโลเมตรที่ 9 นั้น คนส่วนใหญ่เดินกันไปแล้ว ส่วนคนที่ยังวิ่งอยู่ประมาณการณ์ด้วยสายตาคิดว่าเหลือคนไม่มากที่เข้าเส้นชัยแบบวิ่งตลอด (ไม่มีแอบเดินผสมด้วย) 
เรื่องนี้ทำให้ผมคิดได้ว่ามันคล้ายกับการทำธุรกิจส่วนตัวเหมือนกัน เพราะว่าส่วนใหญ่ตอนเริ่มนั้นอะไรก็ดีไปหมด แรงเยอะ ไฟเยอะ แต่ทำๆไป ล้มหายตายจาก หรือ หมดแรงหมดกำลังใจไปดื้อๆ
นักวิ่งที่สิ่งจนจบนั้นผมเชื่อว่าต้องประกันสองอย่างครับ คือ ร่างกายที่พร้อม และ ใจที่ไม่ยอมแพ้ เช่นเดียวกับการทำธุรกิจ ทรัพยากรต้องพร้อมและ ที่สำคัญจะต้องไม่ยอมแพ้ด้วย โดยส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องใจสำคัญที่สุด เพราะผมเคยลองหลายครั้งแล้วว่าถ้าเราตั้งใจจริง เช่นบอกว่าวันนี้เราจะวิ่ง 20 กิโลจะไม่หยุดจนกว่าจะครบไม่ว่าจเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  ในตอนวิ่งแม้เราจะรู้สึกว่าขาเราไปไม่ไหวแล้วแต่ถ้าใจยังสู้อยู่ส่วนใหญ่ทำได้ทั้งนั้นละครับ เรื่องนี้ก็จริงกับการทำกิจการส่วนตัวด้วยเช่นกัน
มาเข้าเรื่องซักที ต่อภาคสองของการเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งถึงตอนนี้เหมาะกับคนที่ทำกิจการมาซักพักแล้ว กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการขยายงาน สิ่งที่คำนึงถึงเพิ่มเติมจาก ภาค 1 ที่ผมเขียนไปแล้วนั้นได้แก่
Promise less, Deliver more : คือการทำให้เกินความคาดหวังของลูกค้าตลอดเวลา หรืออย่างน้อยที่สุดต้องทำให้ได้เท่ากับที่สัญญาไว้ ปัจจัยที่จะสามารถทำให้ได้สำเร็จคือการวางโครงสร้างและกลยุทธ์ไว้รอรับแผนการบริการลูกค้าของคุณครับ 
ทำ feasibility study อยู่ตลอดเวลา : ถ้าคุณคิดว่าการทำ  feasibility study นั้นทำเฉพาะตอนเริ่มโครงการละก็ คุณคิดผิดถนัดเลยครับ เพราะเรื่อง feasibility study นั้นต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา มันเป็น indicator ตัวนนึงที่เหมือนกับแผนที่ให้บริษัทคุณล่ะครับ
อยากโตต้องมีธรรมาภิบาล : ในอดีตเป็นปกติที่ SME มักนิยมมีสมุดบัญชีสองเล่ม เล่มนึงเอาไว้ดูเอง เล่มนึงส่งสรรพากร ผมบอกได้เลยครับว่าวิธีนี้อาจจะโอเคในยุคพ่อ-แม่เรา แต่ไม่โอเคอีกต่อไปในยุคของเรา ถ้าคุณต้องการกิจการที่ประสบความสำเร็จมากๆ เรื่องความโปร่งใสเป็นสิ่งที่สำคัญนะครับ ทำให้ถูกต้อง โปร่งใส แล้วมันจะส่งผลดีในแง่มุมที่คุณนึกไม่ถึงเลยทีเดียว
หรือแม้แต่ในเรื่อง software คอมพิวเตอร์ผมยังอยากแนะนำให้ใช้ของจริง หรือไม่ก็ใช้พวกของที่แจกฟรีไปเลย เช่น google docs เป็นต้น 
เข้าใจกฏหมาย : คุณต้องเข้าใจหรือสามารถเข้าถึงคนที่เข้าใจกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจุคุณให้มากๆครับ เพื่อป้องกันปัญหามากมายที่เิกดจากความไม่รู้ในเชิงเทคนิคขอตัวคุณหรือทีมงานของคุณ โดยปรกติความผิดพลาดที่เกียวกับเรื่องกฏหมายมักเป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอนครับ
มีการติดตามและวิเคาระห์รายงานทางการเงิน  :  นักธุรกิจที่ดีต้องตอบได้โดยแทบไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ดูเลยนะครับว่าเขามี ลูกหนี้เท่าไร สินค้าคงคลังเท่าไร  %   กำไรเบื้องต้นเท่าไร ฯลฯ เรื่องพวกนี้ต้องคอยติดตามโดยละเอียดและข้อมูลต้องมีความทันสมัย คือไม่ใช่เอาข้อมูลของ 6 เดือนที่แล้วมามันก็อาจจะไม่ทันการณ์แล้วละครับ 
นอกจากนั้นคุณต้องเข้าใจตัวเลขแต่ละตัวด้วยนะครับว่ามันจะบอกอะไรเรา ข้อมูลพวกนี้เป็นเครื่องทำนายอนาคตของบริษัทที่ดีที่สุดครับ เช่นการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ อาจจะหมายถึงแนวโน้มการใช้เงินสดเยอะขึ้นของเรา ซึ่งจะดีกว่ามากถ้าเรารู้ก่อนและเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ
วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวไว้สัปดาห์หน้ามาต่อ
Cheers
Rawit in Thailand
rawithan.blogspot.com
www.rawit.in.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น