วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

Tapas # 4 ราคาของความฝัน


Tapas # 4 ราคาของความฝัน 

เมื่อวานนี้ความฝันอย่างนึงของผมได้เป็นจริงขึ้นมา และมาถึงในชีวิตผมเร็วกว่าที่คาดไว้เป็น 10 ปี ต้องขอบคุณผู้หยิบยื่นโอกาสให้ผมและต้องขอบคุณตัวเองด้วยที่ใช้เวลาส่วนนึงสะสมบันไดของความฝันมาทีละนิด จะกระทั่งโอกาสมาถึงเลยคว้าไว้ได้ ถ้าที่ผ่านมาไม่ได้สะสมต้นทุนมาฝันนี้คงไม่เกิดขึ้น

ณ วันที่ความรู้สึกดีใจเรื่องนี้ยังชัดเจนอยู่ผมเลยอยากบันทึกความรู้สึกและแนวคิดต่อเส้นทางการเดินของชีวิตเอาไว้ซักหน่อย ต้องบอกก่อนนะครับว่าข้อความต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านก็อย่าว่ากันเลยนะครับ 

ว่ากันตรงๆผมคิดว่าคนเราในชีวิตนั้นมีทางเลือกอยู่สองทางคือ

  1. เดินตามความฝันของตัวเองโดยยอมจ่ายราคาของมัน
  2. เลือกเป็นคนธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดา 


อาจจะฟังดูโหดร้ายซักหน่อยแต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ถ้าคุณเลือกข้อ 1 แน่นอนว่าคุณต้องจ่ายราคาของมัน เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อไปหาความฝันนั้นหลากหลาย ผมขอยกมาซัก 7 ตัวอย่างละกัน

  • สำหรับนักธุรกิจ start up มันอาจจะหมายถึงเวลาพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ทั้งหมดเป็นเวลา 5 ปีที่จะต้องหายไปกับงาน
  • สำหรับนักเดินทาง มันอาจจะหมายถึงการต้องยอมรับทำงานที่เงินน้อยแต่มีเวลาเยอะ
  • สำหรับสำหรับลูก มันอาจจะหมายถึงการต้องจากบ้าน จากพ่อแม่ มา
  • สำหรับพ่อ แม่ มันอาจจะหมายถึง การต้องทิ้งลูกรักของตัวเองไว้ให้คนอื่นเลี้ยง
  • สำหรับนักกีฬา อาชีพ มันอาจหมายถึง การเลิกทานอาหารโปรดของตัวเองไปตลอดช่วงอาชีพของเขา
  • สำหรับนักเรียน มันอาจหมายถึงการต้องยอมไม่ออกไปสนุกสนานกับเพื่อนๆแล้วหมกตัวอยู่กับหนังสืออันน่าเบื่อแทน
  • สำหรับมนุษย์ที่ต้องการบรรลุ มันอาจหมายถึงการทิ้งตัวกู ของกู​!

อันนั้นคือแนวคิดที่ผมทราบว่าทุกคนรู้อยู่แล้วแหละ ตอนประกาศความฝันให้โลกรู้น่ะมันไม่ยากหรอก มันมายากตอนทำนี่แหละ 

คนเยอะมากที่เดินตามเส้นทางแห่งความฝันนี้แต่ไปได้ไม่สุด ล้มเหลวกลางคันซะก่อน ผมเชื่อว่าเกิดขึ้นมาจากเขาเหล่านั้นไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองได้อย่างยั่งยืน 

พฤติกรรมคือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อมุ่งหาฝัน แต่สิ่งที่จะทำให้พฤติกรรมนั้นเกิดขึ้นได้คือ 

“แนวคิด” 

การพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยไม่เปลี่ยนแนวคิดนั้นยากและไม่ยั่งยืน 

ผมยกตัวอย่างละกัน ผมเคยพยายามลดน้ำหนักมาไม่รู้กี่รอบล่ะ แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า จนเมื่อไม่นานมานี้ผมค้นพบวิธีการลดน้ำหนักแบบใหม่

สมัยก่อน: “ห้าม” ตัวเอง ไม่ให้กินของ “ทอด” “อ้วน”  “มัน” 
อาวุธหลัก:  ความอดทน
ผล: ระยะยาวกลับไปหนักเท่าเดิม เพราะตบะแตก 

สมัยนี้ : หาวิธีการทำให้ตัวเอง “ไม่อยาก” กินของ “ทอด” “อ้วน” “มัน”
อาวุธหลัก: ความเข้าใจ
ผล: น้ำหนักลดลงมาคงที่ และชีวิตีความสุข 

การทำให้ตัวเอง”ไม่อยาก”นั้นจะได้ผลกว่าการ”ห้าม”ตัวเองไม่ให้ทำอะไรมากครับ 

นี่คือ”วิธีคิด”ครับ 

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับเส้นทางการตามหาฝันของตัวเองครับ

Cheers 

Tab




(PS: สำหรับเรื่องลดน้ำหนักผมใช้ความเข้าใจเรื่องโภชนาการมาช่วย เพราะว่าร่างกายของเรานั้นแท้จริงแล้วหิวมาจากการไม่ได้รับแร่ธาตุเพียงพอจึงส่งสัญญาณมาให้เรากิน แต่เราถูกปลุกฝังมาใน DNA ให้หาของกินที่อ้วนและน้ำตาลสูง เพราะในยุคโบราณของสองอย่างนี้คือของที่หายากและจำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่ไม่ใช้ความจริงในโลกปัจจุบันอีกแล้ว เพราะฉะนั้นการลดน้ำหนักที่ถูกวิธีและดีต่อสุขภาพคือการทานอาหารที่มีแร่ธาตุสูง ซึ่งวิธีที่ผมใช้คือการทานน้ำผักปั่นก่อนทานข้าวทุกมื้อ แค่นี้ก็หายหิวไป 50% แล้ว เราจะทานข้าวน้อยลงไปเองโดยไม่ทรมานซักนิด จริงๆเรื่องนี้ถ้าจะให้เล่าจะยาวแน่นอนเดี๋ยวจะหาเวลามาเขียนอย่างละเอียดอีกที)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น